中華日報
新中原報
ตำนานสามก๊ก
อ่านตำนานสามก็ก
ดูรายชื่อเพลงล่าสุด papa menu
papa menu ตรวจสอบเพลงซ้ำซ้อน
(download)
ขออนุญาติใบ
พรบ.ภาพยนต์และวีดีทัศน์
ตรวจสอบรายชื่อ
บริษัทจัดเก็บทั้งระบบ
bluesky TV
Facebook/papakaraoke
The source of intelligence. The original of innovation.The community of Well-being and Peaceful.
ข้อมูลลิขสิทธิ์ 2006 ตอนที่ 1
ขอนำเสนอข้อมูลที่มีการประชุมสัมนาที่มีตัวแทนจากสมาพันธ์คาราโอเกะแห่งประเทศไทยร่วมประชุมด้วย ในประเด็นขององค์กรจัดเก็บนานาชาติอันมีผู้เชี่ยวชาญและวิทยากรจากหลายประเทศเข้าร่วมด้วย อันเป็นข้อมูลที่ได้รับการสรุปจากกรมทรัพย์สินทางปัญญามาเพื่อเป็นแนวทางในการเพิ่มองค์ความรู้และทักษะในการพิจารณาแก้ไขในประเด็นการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ที่ไม่เป็นธรรม โดยจะทยอยลงต่อเนื่องเป็นลำดับต่อไป สรุปประเด็นการสัมมนา เรื่อง แนวทางการบริหารการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์และสิทธิข้างเคียงในระบบสากล ณ ห้องประชุม 30410 ชั้น 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ นนทบุรี วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน 2548 หัวข้อที่ 1 กฎหมายที่ใช้กำกับดูแลการบริหารการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์และสิทธิข้างเคียง Mr. Seiji Odaki (Manager, International Relations Department) จาก Japanese Society for Right of Authors, Composers and Publishers (JASRAC) ประเทศญี่ปุ่น  ปี 1939 ญี่ปุ่นมีกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ฉบับแรก คือ Law on Intermediary Business concerning Copyrights (Old Law) ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้ (1) เป็นระบบการขออนุญาต กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจากรัฐบาลก่อนดำเนินการจัดเก็บ (2) กฎหมายฉบับนี้ครอบคลุมถึงงานวรรณกรรม และดนตรีกรรม (3) องค์กรจัดเก็บต้องขออนุญาตเกี่ยวกับกฎเกณฑ์การแบ่งสรรค่าใช้สิทธิ และอัตราค่าลิขสิทธิ์ จากรัฐบาลก่อน (4) องค์กรจัดเก็บต้องส่งรายงานธุรกิจ และรายงานการเงินใหัรัฐบาลเพื่อตรวจสอบ (5) รัฐบาลอาจส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบธุรกิจและบัญชีขององค์กรจัดเก็บ (6) หากองค์กรจัดเก็บไม่ดำเนินการตามคำสั่งของรัฐบาล จะได้รับโทษ  เนื่องจากเทคโนโลยีสมัยใหม่มีความก้าวหน้า และเพื่อให้การคุ้มครองเจ้าของลิขสิทธิ์เป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ในปี 2001 ญี่ปุ่นจึงได้ออกกฎหมายว่าด้วยการจัดการธุรกิจเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และสิทธิข้างเคียง Law on Management Business of Copyright and Neighboring Rights (New Law) เพื่อใช้บังคับแทนกฎหมายฉบับปี 1939 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (1) ยกเลิกระบบการขออนุญาต และใช้ระบบการขึ้นทะเบียนแทน กล่าวคือ องค์กรจัดเก็บสามารถดำเนินการจัดเก็บได้ หากได้ขึ้นทะเบียนไว้กับรัฐบาลแล้ว (1) กฎหมายฉบับนี้ครอบคลุมลิขสิทธิ์และสิทธิข้างเคียงทุกประเภท (2) ยกเลิกการขออนุญาตเกี่ยวกับกฎเกณฑ์การแบ่งสรรค่าใช้สิทธิ และอัตราค่านายหน้าจาก รัฐบาล แต่หากมีเรื่องโต้แย้งเกิดขึ้น รัฐบาลจะเข้าไปดูแลโดยการจัดให้มีการอนุญาโตตุลาการ (3) องค์กรจัดเก็บต้องจัดเตรียมเอกสารการเงินไว้ เพื่อให้สมาชิกสามารถตรวจสอบได้ (4) กฎหมายฉบับปี 2001 รัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้องกับองค์กรจัดเก็บน้อยลง แต่รัฐบาล อาจส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบองค์กรจัดเก็บ และมีสิทธิให้องค์กรจัดเก็บพักหรือหยุดการดำเนินการได้ Mr. Ang Kwee Tiang (Regional Director) จากสมาพันธ์ผู้สร้างสรรค์และนักแต่งเพลงระหว่างประเทศ (CISAC) กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ของประเทศจีนมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2005 มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ (5) เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่น้อยกว่า 50 รายอาจร่วมกันก่อตั้งองค์กรจัดเก็บ โดยจะต้อง มีการขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐ (2) ห้ามกำหนดขอบเขตการดำเนินการจัดเก็บเหมือนกับองค์กรอื่น กล่าวคือ ให้มีองค์กรจัดเก็บ 1 องค์กรสำหรับ 1 สิทธิ (3) ต้องให้รัฐบาลอนุมัติอัตราการจัดเก็บ วิธีการแบ่งสรรค่าใช้สิทธิให้สมาชิกก่อน เมื่อรัฐบาลอนุมัติแล้ว ให้ประกาศให้สาธารณชนทราบเพื่อให้เกิดความโปร่งใส (4) ผู้ใช้งานลิขสิทธิ์ต้องให้ข้อมูลการใช้เพลง เช่น ชื่อเพลง ชื่อเจ้าของ ลักษณะการใช้ และจำนวนการใช้แก่องค์กรจัดเก็บ เพื่อจะได้แบ่งสรรค่าใช้สิทธิให้แก่เจ้าของได้อย่างถูกต้อง ซึ่งหากข้อมูล ดังกล่าวเป็นความลับทางการค้า องค์กรจัดเก็บมีหน้าที่ต้องเก็บรักษาความลับนั้น (5) หลังจากหักค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการแล้ว องค์กรจัดเก็บต้องแบ่งสรรค่าใช้สิทธิให้เจ้าของลิขสิทธิ์ (6) เนื่องจากจำนวนเงินค่าใช้สิทธิที่จัดเก็บได้มีจำนวนมหาศาล (ประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี) ดังนั้น องค์กรจัดเก็บต้องมีบันทึกการแบ่งสรรค่าใช้สิทธิย้อนหลังอย่างน้อย 10 ปีไว้ให้ ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบ (7) องค์กรจัดเก็บต้องดำเนินการโดยไม่แสวงหากำไร มิฉะนั้น จะถูกระงับการดำเนินการ และถูกริบค่าใช้สิทธิที่จัดเก็บได้ สรุป (1) องค์กรจัดเก็บต้องดำเนินการโดยไม่แสวงหากำไร (2) ควรมีองค์กรจัดเก็บแยกตามประเภทสิทธิ สิทธิละ 1 องค์กร (3) หน่วยงานของรัฐควรมีอำนาจในการกำกับดูแลองค์กรจัดเก็บ (4) ควรมีกฎหมาย กฎ ระเบียบเกี่ยวกับการจัดเก็บที่ชัดเจน เพื่อให้สมาชิกมีความมั่นใจ (5) ควรมีกระบวนการตรวจสอบการจัดเก็บที่เหมาะสม (6) ควรกำหนดเงื่อนไขการใช้งานลิขสิทธิ์ให้เหมาะสม จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่ามีการกล่าวถึง ลิขสิทธิ์และสิทธิ์ข้างเคียง ในพรบ.ลิขสิทธิ์ จะไม่มีการกำหนดนิยามของคำว่าเพลงแต่จะใช้คำว่า ดนตรีกรรม เป็นตัวลิขสิทธิ์โดยตรงหากจะเข้าใจให้ง่ายขึ้นอาจจะเปรียบเทียบกับ การผลิตหนังสือขึ้นมาหนึ่งเล่มเนื้อหาที่เป็นตัวอักษรอาจเป็นบทความ นวนิยาย หรือข้อเขียนใดๆ หรือรูปภาพ โลโก้ เป็นตัวลิขสิทธิ์ที่ในพรบ.ให้นิยามและมีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ฉนั้นผู้ผลิตหนังสือหรือสำนักพิมพ์เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานลิขสิทธิ์ในฐานะผู้ลงทุนงานลิขสิทธิ์(ในส่วนนี้จะขอไม่ลงในรายละเอียดหรืออ้างมาตราใดในกฎหมาย) การผลิตแผ่นซีดี วีซีดีหรือเทป อันเป็นงานโสตทัศนวัสดุ งานสร้างสรรค์อันมีลิขสิทธิ์คือข้อมูลหรือสิ่งที่ได้รับการบันทึกลงในแผ่นหรือเทป เช่นเพลง มิวสิควีดีโอ ภาพยนตร์ หรืออี่นๆที่เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นผู้ผลิตขึ้นเพื่อบันทึกลงในสิ่งบันทึกเสียงโสตทัศนวัสดุ เป็นนิยามที่ได้รับการคุ้มครองจาก พรบ.ลิขสิทธิ์ในฐานะงานลิขสิทธิ์ ในส่วนของผู้ผลิตเช่นค่ายเพลงเป็นผู้ลงทุนทุกอย่างในงานลิขสิทธิ์เพลงหรือภาพยนตร์ฯ โดยนำเอาผลงานอันมีลิขสิทธิ์มาบันทึกลงในสิ่งบันทึกเสียงที่เรียกว่า สิทธิ์ในสิ่งบันทึกเสียงหรือโสตฯ ในทางกฎหมาย (องค์กรทรัพย์สินทางปัญญาโลก WIPO ) ให้นิยามว่า สิทธิ์ข้างเคียง (related right) ซึ่งไม่มีระบุใน พรบ.ลิขสิทธิ์ของไทยเราแต่เป็นคำอธิบายในหลักการของสนธิสัญญาระหว่างประเทศ การนำผลงานลิขสิทธิ์มาลงทุนของค่ายเพลง(publisher)จะมีการทำสัญญากับเจ้าของสิทธิ์(ครูเพลง)ในการนำผลงานมา เพื่อทำซ้ำ-ดัดแปลง โฆษณาเผยแพร่ จำหน่ายให้เช่า ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขข้อตกลง หากมีการซื้อสิทธิ์แบบเหมาในแต่ละเวอร์ชั่นสิทธิ์ในการผลิตและปริมาณก็จะเป็นของค่ายเพลงโดยเฉพาะ แต่หากมีการระบุระยะเวลาในการมอบสิทธิ์หรือเป็นการแบ่งผลประโยชน์เป็นเปอร์เซ็นของปริมาณการจำหน่ายก็จะเพิ่มความซับซ้อนในข้อกฎหมายซึ่งมักจะเกิดความขัดแย้งขึ้น ยังมีต่อ---------
go back พรชัย ศิรินุกูลชร 16/10/49
##detail##