โอเกะ รากหญ้าหนุนกรมทรัพย์ฯ ตั้งองค์กรกลางยุติซ้ำซ้อน18 ธันวาคม 2550 18:01 น.
หลังจากบ้านเรามีระบบการเก็บค่าเผยแพร่ลิขสิทธิ์ในการเปิดเพลงคาราโอเกะสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงแรม ร้านคาราโอเกะต่างๆ มาระยะหนึ่งแล้วนั้น
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือมีการจัดตั้งองค์กรจัดเก็บค่าเผยแพร่ลิขสิทธิ์ขึ้นมาหลายองค์กรจากค่ายเพลงต่างๆ มากมาย จนเกิดปัญหาการจัดเก็บ "ซ้ำซ้อนกัน" เช่นจ่ายค่าจัดเก็บไปหนึ่งแห่ง แต่เพลงบางเป็นลิขสิทธิ์ของอีกบริษัท เมื่อนำไปเปิดก็อาจถูกอีกบริษัทจับกุมดำเนินคดี หรือมีเจ้าหน้าที่บริษัทไปตระเวนเก็บเงินค่าเปิดเพลงจากร้านคาราโอเกะโดยผู้ประกอบการไม่สาสมารถแยกแยะได้ว่า เพลงxml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /> xml:namespace prefix = w ns = "urn:schemas-microsoft-com:office:word" />ไหนเป็นของบริษัทใด ฯลฯ (ยกตัวอย่างอื่นๆ ด้วย)
กรมทรัพย์สินทางปัญญาจึงเตรียมแก้ปัญหา"ลิขสิทธิ์ซ้ำซ้อน" ด้วยการเสนอตั้ง"องค์กรกลาง" ขึ้นมาดูแลเรื่องการจัดเก็บซึ่งร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจาก สนช.แล้ว ถึงแม้จะมีเสียงคัดค้านจากกลุ่มค่ายเพลงต่างๆ ให้ยกเลิก
ทีมข่าว"คมชัด ลึก" ได้ออกสำรวจความคิดเห็นของบรรดาผู้ประกอบการร้านอาหารที่มีบริการตู้คาราโอเกะรอบปริมณฑลถึงความคิดเห็นในการตั้ง"องค์กรกลาง" ขึ้นมาดูแลเรื่องการจัดเก็บ ซึ่งแต่ละคนก็พร้อมแสดงความคิดเห็นโดยทุกร้านขอ สงวนชื่อผู้ให้สัมภาษณ์และชื่อร้าน
"ทุกวันนี้ผมเสียค่าลิขสิทธิ์ 2-3 เจ้า พวกเราเป็นคนทำมาค้าขายไม่รู้ขั้นตอนกฎหมาย หรือธุรกิจการเก็บลิขสิทธิ์ เมื่อค่ายเพลงบอกว่าต้องเสียเราก็ยินดีปฏิบัติตาม แต่สิ่งที่เราได้คือต้องเสียเงินให้แก่คนอีกหลายๆ คนที่มาบอกว่าเป็นเจ้าของสิทธิในเพลงนี้เพลงนั้น ซึ่งค่ายเพลงที่เราเสียเงินให้ไปก็ไม่สามารถช่วยเราได้ พวกที่มาเก็บก็มีพวกตำรวจท้องที่มาด้วย เราเดือดร้อนมาก ผมมาดูรายละเอียดบางอันคิดว่าความซํ้าซ้อนที่เกิดขึ้นมาจากครูเพลงที่เป็นเจ้าของสิทธิค่ายเพลงอาจจะไม่ใช่เจ้าของสิทธิจริงๆ ฉะนั้นต้องแก้ที่ครูเพลง"
สมบัติเจ้าของร้านอาหารริมถนนพระราม 5 ระบายความเดือดร้อนกับเหยี่ยวข่าว "คม ชัด ลึก" ด้วยความอึดอัดใจนอกจากการเรียกเก็บเงินจากเหล่า "นักบิน" (บรรดาผู้ที่ข่มขู่เรียกเก็บเงินโดยอาศัยช่องว่างของกฎหมายลิขสิทธิ์คาราโอเกะ) ดังกล่าวแล้ว เจ้าของร้านคนเดิมบอกอีกว่า รายได้จากตู้คาราโอเกะทุกวันนี้ก็ลดลงเช่นกัน จนคิดจะขายตู้คาราโอเกะ
"จำนวนคนที่มาร้องคาราโอเกะทุกวันนี้ มีไม่มาก บางครั้งวันหนึ่งมีคนหยอดแค่ 2-3 เพลงเท่านั้น ถ้าวันไหนถูกพวกนักบินมาไถอีก 2-3 หมื่นก็เตรียมตัวเจ้งได้เลย ปีหน้าคุยกันในกลุ่มพ่อค้าด้วยกัน ประมาณ 50 กว่าร้านทุกคนลงความเห็นว่าจะขาย แต่อาหารอย่างเดียวไม่เอาตู้คาราโอเกะแล้วเพราะไม่คุ้ม"
ผู้สื่อข่าว"คม ชัด ลึก" ได้ตระเวนสอบถามความคิดเห็นของร้านอาหารร้านหนึ่งริมถนนวิภาวดีรังสิต โดยทุกร้านยินดีให้ข้อมูล แต่ขอไม่เปิดเผยชื่อเช่นกัน โดยบอกเหตุผลว่ากลัวเดือดร้อน ซึ่งหลายร้านอาหารให้ข้อมูลตรงกันถึงความซ้ำซ้อนเรื่องการเก็บค่าลิขสิทธิ์
"คุณเชื่อไหมว่าช่วงวันศุกร์จะเป็นวันที่พวก "ตบทรัพย์" มันออกทำงานร้านละแวกๆ นี้โดนกันทั่วหน้า มันมาล่อซื้อโดยตำรวจท้องที่ก็เป็นพวกมัน มันทำกันเป็นทีมเลย ค่ายเพลงช่วยเราไม่ได้เลย ทั้งที่เราเป็นลูกค้าเขา ผมก็เรียนจบปริญญาตรีด้านประชาสัมพันธ์มา การเปิดเพลงของร้านอาหารถือเป็นการช่วยค่ายประชาสัมพันธ์ทางหนึ่ง แต่พวกค่ายไม่คิดแบบนี้ จะให้เราเสียเงินรายเดือนเราก็ยอม แต่พอถูกจับก็ช่วยเราไม่ได้ ดีเหมือนกันมีองค์กรกลางขึ้นมาดูแลพวกนี้จะได้รู้สึกบ้าง ว่าความเดือดร้อนเป็นยังไง"
เจ้าของร้านคนเดิมกล่าวอีกว่าเห็นข่าวการคัดค้านกฎหมายตัวใหม่จากค่ายเพลงใหญ่ๆ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมามีแต่เรื่องผลกระทบที่ค่ายเพลงได้รับอย่างเดียว
"พวกผมเดือดร้อนอย่างไร ไม่เห็นมีใครมาสนใจเลย สื่อมวลชนเองที่บอกว่าอยู่ข้างคนเดือดร้อนก็เสนอแต่ข่าวค่ายเพลงได้รับผลกระทบอย่างนี้อย่างนั้น ทีพวกผมเดือดร้อนไม่เห็นมีใครมาดูมาสนใจเลย พวกร้านอาหารต้องมีรายจ่ายเรื่องลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้นมาก็ต้องจ่าย ขึ้นราคาค่าอาหารก็ไม่ได้"
นี่เป็นความคิดเห็นของบรรดาเจ้าของร้านอาหารเพียงส่วนหนึ่งในหลายๆส่วนที่ได้รับผลกระทบจากความซ้ำซ้อนของลิขสิทธิ์เพลง ทั้งที่เสียเงินค่าลิขสิทธิ์ให้เจ้าของอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งต้องดูกันต่อไปว่าปัญหาต่างๆ จะได้รับการแก้ไขอย่างไรต่อไป
คมเคียวคมปากกา-ศิลปินสู้เพื่อใคร 11 ธันวาคม 2550 13:31 น.
วันก่อนมีดาราสาวคนหนึ่งมาร่วมเสวนาเรื่องการเมืองที่ตึกเนชั่นจู่ๆ เธอก็เปิดประเด็นที่คนบันเทิงจะรวมพลค้านกฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ ซึ่งผมอ่านจากข่าวที่ตีพิมพ์ในวันถัดมา ก็รู้ว่าเธอฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด
เธอหยิบเอาประเด็นปลีกย่อยมาขยายให้เป็นเรื่องน่ากลัวทั้งที่ความเป็นจริง "หัวใจ" ของการแก้ไข พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ 2537 ที่มีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นแม่งานคือ การจัดระเบียบการจัดเก็บลิขสิทธิ์ดนตรี โดยมีการเสนอจัดตั้ง "องค์กรกลาง" ขึ้นมาเพื่อดำเนินการจัดเก็บลิขสิทธิ์
อย่างที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันนี้มีปัญหาการจัดเก็บลิขสิทธิ์ที่ซ้ำซ้อน สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ประกอบการร้านค้าจำนวนไม่น้อย และฝ่ายลิขสิทธิ์บางกลุ่มสมคบกับ "คนมีสี" ออกรีดไถคาราโอเกะรากหญ้าเป็นว่าเล่น
แถมบางค่ายเพลงยังใช้นโยบาย "จัดเก็บ" คู่ไปกับ "จับเก็บ" เพิ่มรายได้ให้แก่ค่ายทางอ้อม ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารเรียกร้องให้รัฐเข้ามาช่วยจัดระเบียบการเก็บลิขสิทธิ์เสียใหม่
ดังที่ทราบกันลิขสิทธิ์เพลง (มันสมองของนักแต่งเพลง) คือ "สินทรัพย์" หรือขุมทรัพย์สุดขอบฟ้าของค่ายเพลง
ถ้าสินทรัพย์นับพันนับหมื่นล้าน ตกไปอยู่ในมือ "องค์กรกลาง" ที่มีคนของรัฐบริหารจัดการ...มีหรือคนอย่าง "อากู๋" หรือ "เฮียฮ้อ" จะยอม
ขณะที่ผู้ประกอบการร้านคาราโอเกะ ร้านอาหาร โรงแรม ฯลฯ อาจชื่นชอบวิธีการแก้ปัญหาความไร้ระเบียบการจัดเก็บลิขสิทธิ์
รวมถึงนักแต่งเพลงอิสระที่รวมตัวกันอยู่ใน สมาคมนักแต่งเพลงแห่งประเทศไทย ซึ่งมีจุดยืนสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ 2537 ฉบับแก้ไข
ในทัศนะของผม เห็นว่าเรื่องนี้คงต้องพบกันครึ่งทาง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน(ค่ายเพลง-ผู้ประกอบการ) ควรมาพูดคุยกันให้ชัดว่าจะเอายังไง
กรุณาอย่าเอา "ประชาชน" มาเป็นตัวประกัน เหมือนผู้ใหญ่ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ ที่ให้ข่าวทำนองว่า หาก สนช.ไม่ฟังเสียงคัดค้าน สองค่ายยักษ์จะยุติการออกรายการเพลงทุกคลื่นวิทยุ และรายการ
เพลงทางทีวีทุกช่อง
ผมอ่านข่าวนี้แล้วรู้สึกคันหัวใจ จึงขอยุส่งให้ สนช.ผ่าน ร่างกฎหมายฉบับนี้ไปเลยครับ
อยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าคนในชาตินี้ ไม่ได้ฟังเพลงแกรมมี่ เพลงอาร์เอสแล้ว...บ้านเมืองมันจะล่มจม มันจะอยู่ไม่รอด
พ่อค้าเขาคงคิดว่า เราๆท่านๆ โง่เง่าเต่าตุ่น เหมือนนักร้องในค่ายที่จะจูงไปทางไหนก็ได้ จึงเอาความจริงแค่ครึ่งเดียวมาบอกชาวบ้าน!
บรรณวัชร
พรชัย ศิรินุกูลชรผู้เผยแพร่22-12-50